บทที่ 3
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกับเทอร์รี่ แคโรไลน์ก็ขับรถกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ
ทันทีที่ก้าวเข้ามา โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นในจังหวะที่ไม่เหมาะที่สุด ปลายสายคือเอลซี่ วินด์เซอร์ น้องสาวของอาร์เธอร์
“แคโรไลน์ ฉันได้ยินว่าเธอกลับมาที่เมืองซอฟรินแล้ว เป็นยังไงบ้าง”
แคโรไลน์ไม่แน่ใจว่าระหว่างร่างกายกับหัวใจ อะไรมันอ่อนล้ากว่ากัน หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็ตอบ “เอลซี่ ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ ฉันสบายดี”
เธอยังไม่พร้อมที่จะบอกใครในตระกูลวินด์เซอร์เกี่ยวกับอาการป่วยของเธอ
น้ำเสียงจากปลายสายแฝงความห่วงใยอย่างจริงใจ “แคโรไลน์ เธอจำได้ไหมว่าอีกสองสามวันจะถึงวันอะไร คุณปู่เจาะจงเลยนะว่าอยากเจอเธอแล้วก็พี่ชายของฉัน”
ทุกปลายฤดูร้อน ไอแซค วินด์เซอร์ คุณปู่ของอาร์เธอร์ จะจัดงานฉลองวันเกิดโดยมีสมาชิกครอบครัวทุกคนเข้าร่วม
การแต่งงานระหว่างแคโรไลน์กับอาร์เธอร์ก็เป็นท่านไอแซคเองที่เป็นคนจัดการ
แคโรไลน์ซึ่งเผชิญกับเรื่องหนักหนาสาหัสมาติดๆ กันช่วงนี้ เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าเอลซี่ไม่โทรมาเตือน
“เข้าใจแล้ว”
เอลซี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ปฏิบัติต่อแคโรไลน์อย่างดีนับตั้งแต่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลวินด์เซอร์
สัญชาตญาณแรกของแคโรไลน์คือการปฏิเสธ ตอนนี้เธอกำลังจะหย่ากับอาร์เธอร์ เธอจึงอยากตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเขาและตระกูลวินด์เซอร์
แต่ในเมื่อท่านไอแซคเจาะจงว่าต้องการให้เธอไป มันก็ยากที่จะปฏิเสธ บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะหยิบยกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาพูด
แคโรไลน์เพิ่งเอนตัวลงนอนได้ไม่ทันไร พอเริ่มเคลิ้มๆ ก็มีสายเรียกเข้ามาอีก เธอรับโทรศัพท์โดยไม่ได้ดูว่าเป็นเบอร์ของใคร
“ฮัลโหล หม่ามี้!” เสียงหวานใสแบบเด็กๆ ของไลลาดังขึ้น
ความง่วงงุนของแคโรไลน์หายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีอะไรเหรอ”
“หม่ามี้คะ ช่วงนี้หม่ามี้—”
ก่อนที่ไลลาจะพูดจบ ดูเหมือนโลแกนจะสะกิดน้องสาว “ไลลา เข้าเรื่องเลย”
ไลลาทำหน้ามุ่ย “หม่ามี้คะ คืนนี้มารับพวกเราไปทานข้าวเย็นที่บ้านคุณปู่ได้ไหมคะ”
แคโรไลน์นึกภาพใบหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหวังของลูกสาวออก
เมื่อก่อน แค่ลูกๆ ไม่ต้องเอ่ยปาก เธอก็คงไปรับพวกเขาแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยากไป และไม่มีแรงจะไป ภาพที่เด็กๆ เล่นกันอย่างมีความสุขอยู่รอบตัวไฮดี้ในวันนั้นทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด
แคโรไลน์พลิกตัว ซุกหน้าใต้ผ้าห่มแล้วยกมือปิดตา น้ำเสียงของเธอแหบพร่า “คืนนี้ให้แด๊ดดี้ไปรับเถอะนะ วันนี้แม่เหนื่อยมาก”
นี่อาจเป็นหนึ่งในการปฏิเสธไม่กี่ครั้งในชีวิตของเด็กหญิง และแน่นอนว่าเป็นครั้งแรกจากแม่ของเธอ ไลลาพลันรู้สึกเจ็บแปลบในใจ หม่ามี้ตามใจพวกเธอเสมอมา
เธอกำลังจะพูดต่อ แต่โลแกนก็คว้านาฬิกาโทรศัพท์ไปแล้วพูดว่า “หม่ามี้ไม่รับผิดชอบเลย คุณไวท์ไม่เคยเป็นแบบนี้”
คำพูดนี้ต้องยั่วโมโหเธอได้แน่ แล้วเดี๋ยวเธอก็จะมา
เมื่อเผชิญหน้ากับคำกล่าวหาของโลแกน แคโรไลน์เพียงหัวเราะเบาๆ ลูกแฝดที่เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดตอนคลอด กลับอยากได้คนอื่นมาเป็นแม่
“งั้นก็ไปขอให้เขามารับสิ” เธอกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะวางสาย
แคโรไลน์ไม่สามารถหยุดรักลูกๆ ของเธอได้อย่างสิ้นเชิง แต่หลังจากทุ่มเทมาหลายปีโดยไม่ได้อะไรดีๆ ตอบแทน เธอก็จะไม่วิ่งไล่ตามความรักจากพวกเขาอีกต่อไป
คฤหาสน์วินด์เซอร์ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา สถาปัตยกรรมของมันเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
ทันทีที่แคโรไลน์ก้าวลงจากรถ เธอก็เห็นร่างเล็กๆ สองร่างแนบตัวอยู่กับหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน
โลแกนเห็นเธอแล้วก็ทำหน้ามุ่ยก่อนจะวิ่งหนีไป ส่วนไลลาก็วิ่งเข้ามากอดเธอ พลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยศีรษะที่ผมฟูฟ่อง “หม่ามี้คะ!”
แคโรไลน์กอดตอบเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ผละเธอออก
ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ บรรยากาศก็ดูเหมือนจะตึงเครียดขึ้น
พี่ชายและพี่สะใภ้ของอาร์เธอร์นั่งอยู่คนละฟากของโซฟา ผู้ชายคนนั้นมีส่วนคล้ายอาร์เธอร์อยู่บ้าง แต่ดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมกว่า เขาลุกขึ้นยืนทักทายแคโรไลน์เมื่อเธอเดินเข้ามา
ส่วนพี่สะใภ้ของเธอซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสดูหรูหราและมีมาดน่าเกรงขาม แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นการมาถึงของแคโรไลน์ เธอไม่เคยเห็นด้วยกับบทบาท ‘แม่บ้านเต็มตัว’ ของแคโรไลน์เลย
“แคโรไลน์ มัวแต่ยุ่งอะไรอยู่ถึงไม่มีเวลาพาเด็กๆ มาที่คฤหาสน์วินด์เซอร์เลย” ทิฟฟานี่ วินด์เซอร์ แม่ของอาร์เธอร์ เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาจากที่นั่งหัวโต๊ะ อำนาจของเธอเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม “เธอเป็นแม่นะ ทำหน้าที่ของตัวเองซะบ้าง”
แคโรไลน์รู้ว่าทิฟฟานี่กำลังเตือนเธอถึงข้อตกลงของพวกเธอ
ตอนที่ทิฟฟานี่ตกลงให้แคโรไลน์แต่งงานกับอาร์เธอร์ มีเงื่อนไขข้อหนึ่งคือแคโรไลน์จะต้องทิ้งอาชีพการงานของเธอโดยสิ้นเชิงเพื่อทุ่มเทให้กับการเลี้ยงดูลูกๆ
ในตอนนั้น โรงเรียนแพทย์ชื่อดังในต่างประเทศได้เสนอตำแหน่งงานฝึกหัดให้เธอ ซึ่งเธอจำต้องสละมันไปอย่างไม่เต็มใจเพื่อแต่งงานกับอาร์เธอร์ ตำแหน่งนั้นจึงตกเป็นของไฮดี้แทน
ห้าปีต่อมา แคโรไลน์ได้กลายเป็นคุณแม่เต็มเวลาที่คอยดูแลสามีและลูกๆ
แม่สามี พี่สาวและน้องสาวของสามี รวมถึงน้องชายของสามีต่างก็ไม่ชอบเธอ สามีก็ห่างเหิน ส่วนไฮดี้ก็ได้กลับมาอย่างผู้มีชัย เข้ามารับตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวของอาร์เธอร์ และกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวได้สร้างโลกที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แคโรไลน์หัวเราะกับตัวเองอย่างขมขื่น
เธออ้าปากจะอธิบาย แต่แล้วก็ตระหนักว่ามันไม่จำเป็นอีกต่อไป “ฉันเข้าใจ”
วันนี้เธอมาเพื่อจะคุยเรื่องการหย่ากับไอแซค ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม เธอหาที่ว่างนั่งลงและทานอาหารเย็นอย่างเงียบๆ
อาการป่วยของไอแซคทำให้เขาต้องพักผ่อนอยู่บนเตียง ดังนั้นคืนนี้จึงไม่ใช่มื้อค่ำแบบพร้อมหน้า แคโรไลน์จึงไม่ได้พบกับไอแซค
ค่ำคืนมาเยือนอย่างรวดเร็ว อาร์เธอร์ซึ่งยุ่งอยู่กับเรื่องงานของบริษัท กว่าจะกลับมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แคโรไลน์กำลังเดินลงบันไดมาพอดีกับที่เขาเดินเข้ามา พวกเขาสบตากันชั่วครู่ แต่ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดออกมา
ช่วงนี้อาร์เธอร์ยุ่งกับงานมาก ไม่ค่อยได้กลับมานอนที่บ้าน ดูเหมือนเขาจะผอมลงไป
แคโรไลน์รีบเบือนหน้าหนี อาร์เธอร์คือคนสุดท้ายที่เธออยากเจอที่นี่ เขาเย็นชากับเธอเสมอมา
แม้ว่าเธอจะทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้ แต่อาร์เธอร์ก็ไม่ได้ถามอะไรเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักคำ ตรงกันข้าม เขากลับเดินผ่านเธอไปเพื่อทักทายพูดคุยกับครอบครัววินด์เซอร์
แคโรไลน์รู้สึกราวกับหัวใจเป็นโพรงโบ๋ มีลมหนาวพัดผ่าน
เอลซี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงตบมือแคโรไลน์เบาๆ “ไปพักผ่อนเถอะนะแคโรไลน์ เรื่องของสามีภรรยา เดี๋ยวพออยู่กันสองต่อสองก็ค่อยๆ คุยกันได้”
แต่แคโรไลน์ไม่ได้อยากจะอธิบายอะไรให้อาร์เธอร์ฟังอีกต่อไปแล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อละลายหัวใจที่เย็นชาของเขา แต่ก็ไร้ผล เธอได้ทุ่มเทความอบอุ่นทั้งหมดให้เขาไปจนหมดแล้ว และไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป
ที่เธอมาในวันนี้ก็เพียงเพราะต้องการจะคุยเรื่องการหย่าเท่านั้น
หลังจากคุยกับเอลซี่อยู่ครู่หนึ่ง แคโรไลน์ก็กลับมาที่ห้องและได้ยินเสียงอาร์เธอร์คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำ
เสียงทุ้มลึกของเขาลอดผ่านประตูกระจกออกมาอย่างอู้อี้และแหบพร่า “ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปกับเธอ”
มันเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนซึ่งเขาไม่เคยใช้กับเธอเลย เธอไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าใครคือคนที่อยู่ปลายสาย
แคโรไลน์เดินเล่นในสวนก่อนจะกลับมาและเคาะประตูห้องนอน
“คืนนี้คุณนอนที่นี่เถอะ ฉันจะไปนอนที่ห้องหนังสือเอง”
อาร์เธอร์เก็บโทรศัพท์แล้วเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็น”
เขาเดินผ่านเธอไปพลางพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะไปนอนที่ห้องหนังสือ” จากนั้นเขาก็เดินลงไปชั้นล่าง เป็นการขีดเส้นแบ่งระหว่างพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน เขามีให้แคโรไลน์เพียงความรับผิดชอบ แต่ไม่เคยมีความรักเลย
เมื่อมองดูห้องนอนที่เคยเป็นห้องหอของพวกเขาในคฤหาสน์วินด์เซอร์ ในที่สุดแคโรไลน์ก็ขับรถจากไปกลางดึก ที่นี่ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกบีบคั้นเกินไป
เธอแจ้งกับแม่บ้านว่าทางครอบครัวแฮมิลตันมีเรื่องต้องไปจัดการ แต่เธอจะกลับมาให้ทันวันเกิดของไอแซค แม่บ้านก็ไม่ได้พยายามรั้งเธอไว้
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ไลลาวิ่งไปที่ห้องของพ่อแม่แต่ไม่พบใครเลย อาร์เธอร์ถูกเรียกตัวกลับไปที่บริษัทตั้งแต่เช้ามืด
เธอโวยวายเสียงดังว่าอยากเจอแคโรไลน์ แต่แม่บ้านก็แจ้งว่าแคโรไลน์ออกไปตั้งแต่กลางดึกแล้ว
ตอนนั้นโลแกนก็ตื่นแล้วเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทำไมช่วงนี้แม่ของเขาถึงได้เอาแต่มาๆ ไปๆ อย่างเป็นปริศนาอยู่เรื่อย?
เขาขอให้แม่บ้านโทรหาแคโรไลน์ แต่ก็ไม่มีใครรับสาย แคโรไลน์ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ระหว่างนอนหลับ
ในอดีต เธอเคยกังวลไปเสียทุกเรื่อง จิตใจพะวงอยู่แต่กับลูกๆ นอนไม่หลับทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อเธอปล่อยวางจากอาร์เธอร์ได้แล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถนอนหลับได้เต็มตื่นเสียที
เด็กๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปโรงเรียนด้วยรถของอาร์เธอร์ แต่เมื่อไม่มีแม่อยู่ด้วย พรุ่งนี้พวกเขาก็อาจจะให้ไฮดี้ไปส่งที่โรงเรียนแทนได้
ความคิดนั้นทำให้อารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดีขึ้นมาในทันใด

























































































